วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บทสัมภาษณ์Wataru Sasaki ผู้ให้กำเนิดMiku Hatsune


แปลจากหนังสือMikupedia (ISBN978-4-8387-8817-0 หน้าที่ 059)
*จะลบบทความนี้ทันทีที่หนังสือเล่มนี้ถูกประกาศลิขสิทธิ*
Q:คุณSasakiทำงานแบบไหนอยู่หรือครับ
A:งานแรกที่ได้ทำVocaloidให้Crypton ก็คือเป็นโปรดิวเชอร์ตอนพัฒนาMiku แหละครับ นอกจากนี้ก็มีพวกโครงการต่างๆ อย่างเช่นตอนปี2012 ก็มีงานที่ทำร่วมกับ Sonyบ้าง Family Martบ้าง ทั้งเป็นคนริเริ่ม และเป็นผู้ประสานงานบ้างครับ
Q:แล้วทำไมถึงเริ่มพัฒนาMiku
A:พอดี ผมรู้สึกว่าโปรแกรมสังเคราะห์เสียงVocaloid ของYamaha มันน่าสนใจดี แถมได้ยินคนพูดถึงเยอะ เลยลองไปทำดูน่ะครับ
Q:แล้วอะไรคือแรงบัลดาลใจในการตั้งชื่อล่ะครับ
A:ตอนแรกได้วางคอนเซ็ปต์ ของซอฟต์แวร์ตัวใหม่ไว้ว่า "เสียงแรกสุด"เลยออกมาเป็นHatsune แล้วจากนั้นการที่เครื่องจักรจะมาร้องเพลง มันดูเป็น"อนาคต" ก็เลยได้ชื่อว่าMikuครับ
Q:แล้วทำไมต้องเป็นสีเขียวครับ
A:เอามาจากสีของ Yamaha DX7 ที่เป็นเครื่องSynthesizer แล้วตอนที่มันออกมาในยุค80นั้น สีเขียวถือว่าเป็นสีอิมเมจของอนาคต ก็เลยเอามาใช้ครับ
Q:แล้วทำไมต้องใช้เสียงของคุณSaki Fujitaครับ
A:ต้องเข้าใจก่อนว่าเสียงที่ถูกสร้างขึ้นมามันต่างออกไป แล้วทีนี้เสียงของคุณFujitaน่ะมีเสน่ห์แถมยังแสดงอารมณ์ได้ดีอีกครับ
Q:แล้วที่Mikuมีอายุ16ปีนี่เพราะอะไรเหรอครับ
A:พอดีคิดว่าอายุประมาณเด็กผู้หญิงม.ปลาย มาร้องเพลงมันดูสมจริงดี แถมวัยนี้เหมาะที่จะมาร้องเพลงแนวรักๆ ก็เลยเลือก16ปีครับ
Q:ช่วยบอกอะไรกับคนได้ที่รู้จักMikuจากหนังสือเล่มนี้หน่อยครับ
A:สำหรับทุกท่านที่ได้รู้จักMikuจากหนังสือเล่มนี้ การที่ได้รับความสุขจากเพลงดีๆ คลิปดีๆ เป็นเป็นเรื่องที่ดีนะครับ แล้วผมคิดว่าต่อจากนี้ไป ผมคิดว่าMikuจะยังคง มีความสนิทชิดเชื้อกับคนหนุ่มสาวอยู่ต่อไป ตอนนี้ของที่ทำมาเพื่อสนองผู้ใหญ่ คงถูกคนหนุ่มสาวมองว่า"น่ารำคาญ"ละมั้ง
Q:ขอข้อความถึงMikuหน่อยครับ
A:อยากบอกว่า ร้องเพลงไม่ได้หยุดแบบนี้ขอบคุณมากนะ!

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ใครเป็นใครในวงการVocaloid ตอนที่1


วงการVocaloidนั้นแม้จะเริ่มมาจากในวงการITด้านซอฟต์แวร์สังเคราะเสียงก็ตาม  แต่ในปัจุบันก็ได้พัฒนาไปในหลายๆด้าน จนเกินกว่าที่เป็นแค่ซอฟต์แวร์ตัวหนึ่ง ในตลาดเท่านั้น แต่เป็นถึงสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งแน่นอนการทำงานของวงการVocaloidย่อมไม่เหมือนทั้งวงการITและวงการดนตรีที่เป็นพื้นฐานให้กับวงการ Vocaloidตั้งแต่แรก แต่มีการทำงานที่ไม่เหมือนวงการอื่นๆที่เคยมีมา


       ถ้าให้สรุปลักษณะของวงการVocaloid วลีที่เหมาะสุดคือEveryone creator ที่ใช้ในโฆษณาGoogle Chrome ซึ่งจากแค่2คำนี้ก็บรรยายความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละคนในวงการอย่างคร่าวๆได้หมดแล้ว ก็คือทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างวงการVocaloidได้

       ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วตัวVocaloidเป็นนักร้องเสมือนจริงตัวหนึ่ง ซึ่งถูกนับว่าเป็นเสมือนเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่ง ที่สามารถนำไปร้องเพลงต่างๆได้ตามความต้องการของผู้ใช้ แล้วทีนี้ ทำยังไงล่ะที่จะทำเพลงแล้วทำยังไงล่ะจะเผยแพร่และทำอะไรต่อมิอะไรได้

       ก่อนที่จะไปเรื่องนั้นขอพูดถึงภาพรวมของวงการก่อน หลักๆแล้วคนในวงการVocaloid แบ่งเป็น2ประเภทใหญ่ๆ คือคนที่รักในเพลง และคนที่รักในตัวละคร ซึ่งทั้ง2พวกนี้แบ่งได้อีกเยอะทั้งในฐานะผู้ชมและผู้ผลิต เช่นคนที่รักในเพลงนอกจากคนที่ฟังแล้วยังมี นักแต่งเพลง นักดนตรี นักจัดรายการเป็นต้น คนที่รักในตัวละคร ก็แบ่งได้เป็นทั้งนักวาด เลยเยอร์ และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งต่างมีความสัมพันธ์กันดังนี้ (รูปต้นฉบับจากYAMAHA http://www.vocaloid.com/en/about/introduction.html)



       ขอเริ่มที่ฝั่งผู้รักในเพลงกับนักแต่งเพลงก่อน แน่นอนสิ่งแรกที่คุณต้องทำถ้าคุณจะเป็นนักแต่งเพลงVocaloidคือ"ซื้อVocaloid" แล้วทีนี้จะเลือกยังไงล่ะ หลายคนมักเริ่มจากMikuไม่ก็IAก่อน แต่ที่จริงแล้วสามารถใช้ได้หมดทุกตัว ตัวดนตรี กับรูปวิดิโอ และมิกซ์อะไรพวกนั้น อาจทำเองถ้ามีความสามารถพอ ไม่ก็ขอให้คนอื่นทำให้ก็ได้ ส่วนการเผยแพร่ก็ได้ทั้งตามเว็บอัพโหลดวิดิโอทั่วไปโดยเฉพาะNico Nico Douga และYoutube เพลงอาจเป็นออริจินอลหรือโคฟเวอร์ด้วยตัวอื่นและมักจะรีมิกซ์ด้วย แต่ทำมาแล้วจะดังหรือไม่ก็ขึ้นกับคุณภาพงาน ไม่ใช่แค่คุณภาพเพลงแต่รวมถึงเนื้อหาด้วย แล้วจะมีชื่อเสียงหรือชื่อเสีย ก็ขึ้นกับพฤติกรรมของคุณ (ถ้ามีชื่อเสียที่NicoจะมีTag まだお前か(เอ็งอีกแล้วเรอะ)แปะไว้ให้ตามวิดิโอของคุณ) แต่เรื่องนี้ค่อยลงรายละเอียดทีหลังในบทความเกี่ยวกับVocaloid P ซึ่งการจะเป็นนักแต่งเพลงนี่ยากที่สุดอันหนึ่ง เพราะต้องมีทั้งทักษะด้านดนตรี และความคิดสร้างสรรค์ และความขยันในการฝึกฝนมาก และมองเห็นโอกาสเมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นด้วย ส่วนการเป็นDJมักเป็นงานย่อยๆของนักแต่งเพลงVocaloid และทีนี้ ที่มักจะไม่เหมือนนักแต่งเพลงทั่วไปที่แค่แต่งทำนองเนื้อร้องและก็ให้นักร้องนักดนตรี Sound Engineer โปรดิวเซอร์(กรณีที่ตัวโปรดิวเซอร์ไม่ได้แต่งเองหรือทำหน้าที่อื่นๆควบ)ไปจัดการที่เหลือ แต่นักแต่งเพลงVocaloid มักจะต้องทำเองหลายๆหน้าที่ เพราะการแต่งเพลงVocaloidมักทำในลักษณะแบบเดียวกับการสร้างสินค้าโดจินคือทำกันกลุ่มเล็กๆไม่กี่คนไม่ได้เป็นสตูดิโอขนาดใหญ่เพียบพร้อมไปด้วยทีมงาน และตัวนักแต่งเพลงต้องเป็นหัวงานทั้งหมดเพราะเวลาคนจำเพลงนอกจากจำจากตัวVocaloidที่ใช้แล้วยังจำจากตัวVocaloid Pที่แต่งด้วย ตัวPVดูแล้วก็ผ่านไป แต่ตัวเพลงจะต้องตราตรึงเอาไว้ตลอด เพลงในตำนานหลายเพลงPVเป็นแค่ภาพนิ่งธรรมดาๆด้วยซ้ำ เพราะเวลาลงอัลบัม ที่จะลงไปมันไม่ใช่ตัวPVอลังการงานสร้างแต่เป็นเพลงล้วนๆ ดังนั้นนักแต่งเพลงจึงเป็นคนที่สำคัญที่สุด และที่สำคัญเวลาออกคอนเสิร์ตหรือตามคลับหลายงานคนที่จะไปขึ้นเวทีแค่ไม่ใช่ตัวVocaloid หรือคาแรคเตอร์ในเพลงที่แต่ง และนักดนตรีเท่านั้น บางครั้งตัวผุ้แต่งที่เป็นVocaloid Pเต็มตัวแล้วต้องขึ้นไปด้วย โดยเฉพาะคลับที่ตัวผู้แต่งต้องไปเป็นDJด้วยเพราะไม่มีใครขึ้นอีก ไม่มีนักร้องไปยืนกลางคลับ นักดนตรีก็อาจไม่มีด้วยซ้ำไป

      อีกอันง่ายลงมาหน่อยแต่ก็ยังสำคัญมากคือนักดนตรี ซึ่งก็มีหลายคนที่เล่นเครื่องดนตรีโคฟเวอร์เพลงVocaloid อาจเป็นเครื่องดนตรีใดๆก็ได้ทั้งนั้น และอาจดัดแปลงทำนองให้เข้ากับเครื่องดนตรีที่ตนใช้ แม้ว่านักแต่งเพลงอาจใช้เครื่องดนตรีสังเคราะห์ แต่เครื่องดนตรีก็ยังจำเป็นอยู่ และมีVocaloid Pดังๆหลายคนเป็นนักดนตรีด้วย ดังนั้นนักดนตรีก็ยังสามารถไปทำงานร่วมกับนักแต่งเพลงและนักร้องได้อีกด้วย แต่การทำงานของนักดนตรีสำคัญมากๆรองมาจากนักแต่งเพลง เพราะถ้าเพลงเล่นออกมาดี แม้ตัวคุณภาพเสียงร้องจะไม่ค่อยดี แต่นักแต่งเพลงแต่งทำนองได้ดี และนักดนตรีดนตรีเล่นได้ดี ก็จะทำให้ตัวทำนองกลายเป็นจุดเด่นของเพลงนั้นๆได้เช่นเดียวกัน บางเพลงแม้แต่ทำนองเพียงนิดเดียวก็ทำให้เป็นที่ติดหูได้แล้ว

      อันที่ข้าเจ้าเห็นว่าน่าจะพบเยอะสุดคือนักร้อง ไม่จำเป็นว่าต้องเก่งอะไรนัก อาจแค่ร้องโคฟเวอร์ธรรมดาๆ หรือบางคนที่เก่งๆอาจไปร้องคู่กับVocaloidในเพลงเดียวกันไม่ก็เป็นส่วนหนึ่งของเพลง หรือขั้นทำเป็นเวอร์ชันของตัวเองที่ไม่เหมือนฉบับVocaloid หรือแม้แต่เวอร์ชันคู่ขนาน เช่นเพลงในซีรีส์God's Seal ที่ทุกเพลงจะมี2เวอร์ชันคือแบบคนร้องกับแบบVocaloid ซึ่งแบบคนร้องจะมีเสียงพากย์ในส่วนที่เป็นอนิเมะด้วย เอาเข้าจริงนักร้องหลายคนเอียงไปทางคนรักในตัวละครซะมากกว่า เช่น96猫(Kuroneko)ที่ร้องคู่กับLen เป็นประจำ และเช่นเดียวกับนักดนตรีVocaloid Pดังๆหลายคนก็เป็นนักร้องด้วย บางคนก็เป็นทั้ง3อย่าง แต่ร้องแล้วออกมาเป็นอย่างไรเป็นอีกเรื่อง แต่มองอีกแง่ก็คือไม่ว่าร้องออกมาเป็นอย่างไรก็มีฐานแฟนๆรองรับอยู่แล้ว

      ส่วนงานอื่นๆที่มักพบในเครดิตเพลง เช่นมาสเตอร์ริ่ง มิกซ์ แต่งเรื่อง คนที่ทำพวกนี้ส่วนมากปกติจะทำในอย่างอื่นเป็นหลักมากกว่า แล้วมีมาช่วยกันทำเพลงๆหนึ่งขึ้นมา อาจเป็นเพื่อนกันไม่ก็อยู่เซอเคิลเดียวกัน

       แน่นอนพวกแรกที่กล่าวมาล้วนเป็นกลุ่มที่มีคนน้อยกว่ากลุ่มหลังเพราะทุกอันล้วนต้องการทักษะมหาศาลถ้าจะทำเป็นเรื่องเป็นราวไม่ใช่ทำเล่นๆ ซึ่งก็ไม่แปลก ถ้ากลุ่มแรกคือผู้สร้างผลงาน กลุ่มหลังคือผู้ชมผลงานที่สามารถสร้างผลงานขั้นที่2 ซึ่งก็ต้องมีมากกว่าเป็นธรรมชาติของแทบทุกงานทำนองนี้ และไม่ต้องการทักษะมากมายขนาดกลุ่มแรกก็เผยแพร่ผลงานได้ อย่างพวกแฟนอาร์ตไก่เขี่ยที่พบได้ทั่วไป ไม่ก็สินค้าทำมือคุณภาพหยาบ คอสเพลย์ที่มองมุมไหนก็ไม่เหมือน เป็นต้น ถึงแม้จะคุณภาพเช่นนั้นก็ตามก็แสดงให้เห็นถึงใจรักได้ (งานของกลุ่มแรกเคยเจอหลายอันก็น่าเข้าข่ายนี้ แต่รู้สึกว่ามีหลุดมาน้อยกว่าเยอะส่วนใหญ่ที่เคยเจอไปดับตรงเสียงร้องแต่ทำนองผ่านฉลุย)

      ซึ่งตามผังข้างบนแสดงให้เห็นว่ากลุ่ม2ก็มีความสำคัญต่อกลุ่มแรก ซึ่งข้าเจ้าบอกไปว่าตัวPV ไม่สำคัญเท่าเพลง แต่ถ้าPVดีก็ดึงดูดคนมาได้มากกว่าอยู่ดี ส่วนใหญ่PVนั้นมักจะให้คนอื่นทำให้ยกเว้น3กรณีที่พบบ่อย
      1.Vocaloid-P หน้าใหม่ไร้เส้นสายกับพวกเทพๆ (พวกมีเส้นสายข้าเจ้าฟังแล้วไม่ชอบสักคนมีดีแต่PV)หรือไม่ได้สนิทกับคนวาดรูปเก่ง(ของบางคนเป็นญาติพี่น้องกันคนหนึ่งทำเพลง คนหนึ่งทำรูป)
      2.อินดี้จัดอยากทำเอง ส่วนมากกลุ่มนี้งานจะออกมาแบบที่ภาพไม่สวยเท่าไหร่แต่ไอเดียสุดยอด เคสเด่นสุดที่เจอคือของTohma เดิมดังในระดับหนึ่ง อยู่ดีๆก็มาทำแนวนี้พร้อมใส่ความอินดี้ชนิดไม่มียั้ง จนกลายเป็นดังระเบิดในที่สุด(และก็กลับมาให้คนอื่นทำให้แล้วปัจจุบันหายสาปสูญไปไหนก็ไม่รู้ปิดทวิตปิดบล็อกหายเงียบ)
      3.เทพตัวจริง One Man Show คือคนที่มีความสามารถทั้ง2ฝั่งพร้อมๆกันพวกนี้มีน้อยถึงน้อยที่สุด หามมีคนอื่นช่วยก็มักด้านอื่น ที่ทำประจำก็เช่นPinocchio-P ทำเองหมดแทบทุกเพลง กลุ่มนี้มักนานๆปล่อยเพลงทีนึงแต่มักได้อันดับบนๆTop 10(ในกรณีที่ปล่อยผิดจังหวะ) Top 5 Top 3ในแรงค์กิงประจำ

     แต่มีเคสหนึ่งที่สำคัญมากๆ คือเคสของHuke กับBlackRock Shooter คือแทนที่เพลงจะเป็นแรงบัลดาลใจให้วาดอย่างเพลงอื่นๆ รูปกลับเป็นแรงบัลดาลใจให้กับเพลงด้วยซ้ำ



        ขอต่อที่คอสเพลเยอร์ (ขอเว้นพวกแต่งเพราะเห็นว่าตัวมันดัง หรือเห็นสวยดีเลยแต่ง เพราะไม่เข้าข่ายกลุ่มนี้) ตรงนี้ขอแทรกความคิดเห็นเล็กน้อย อย่าดราม่า คนเราอ้วนผอมสูงต่ำดำขาวไม่เหมือนกัน ดังนั้นคนที่มีใจรักจะคอสเพลย์ แล้วแต่งออกมายังไงก็ไม่มีทางให้เป๊ะ100% และยังมีข้อจำกัดอีกมากมาย ทำให้เราได้เห็นคอสเพลย์ที่ออกมาแปลกๆมากมาย บางคนอาจมองว่ามันไม่ใช่ แต่มองอีกด้านมันก็เป็นการแสดงออกถึงความรักอย่างหนึ่ง เคสที่โดดเด่นที่สุดที่เคยเห็นคือหญิงมุสลิมที่อินโดนีเซีย ที่ทำให้ทึ่งในความพยายามของเธอ (ถ้าไม่นับสารพัดVocaloidขึ้นอืดตามงานต่างๆทั่วโลก ที่ทำให้ข้าเจ้าทึ่งว่าหาชุดไซส์พอดีได้ไง)


        ขอมาที่ผู้ชม จุดนี้ที่เหมือนกับวงการอื่นๆ ผู้ชมหรือก็คือผู้บริโภคสื่อเป็นผู้ตัดสินแทบทุกอย่าง ใครจะรุ่งใครจะดับผู้ชมเป็นผู้กำหนด การจัดอันดับVocaloid ถ้านับตามจริงแล้วถือว่ายุติธรรมมากๆ ถ้าไม่ติดเรื่องบางคนชอบอัพตอนจะปิดชาร์ตแล้วเพลงติดแค่ไม่กี่วันก่อนปิดชาร์ตชาร์ตอีกครั้งทำให้ปิดก็ตอนที่ยอดลดแล้วทำให้ไม่ได้อันดับดีๆ เพราะการจัดนั้นไม่ได้มีส่วนที่มาจากคณะกรรมการ หรือค่ายเพลงแม้แต่น้อย ซึ่งจะทำให้มีอคติในการตัดสินได้ ทุกอย่างมาจากผู้เข้าชมล้วนๆ ทั้งยอดชม คอมเม้นต์ การเก็บลงMylistเป็นต้น ได้คำนวนออกมาโดยมีสมการที่แน่นอนออกมาเป็นอันดับ และผู้ชมอีก ที่เป็นต้นทางของเงิน ทั้งการซื้อเพลง อัลบัม สินค้าต่างๆ บัตรคอนเสิร์ต (ขอไม่พูดถึงของก็อบของเถื่อน) ซึ่งก็ไม่ใช้น้อยๆ เงินเหล่านั้นนี่เองที่ไปสู่ส่วนต่างๆของวงการทั้งตัวนักแต่งเพลง นักวาด บริษัท ทั้งจากกำไรโดยตรงและค่าลิขสิทธิ์ แต่มีอย่างนึงมากกว่านั้น วงการVocaloidอยู่ได้เพราะผู้ชม ผู้ชมนี้เองที่ทำให้ความว่างเปล่ามีตัวตนขึ้นมา ดังนั้นวงการเกิดไม่ได้ถ้าไม่มีผู้ชม บางวงการอาจไม่ต้องการสาธรณะชนในการดำรงอยู่ แต่กับวงการสื่อบันเทิงโดยเฉพาะVocaloid มันไม่ใช่ ถ้ามีผู้แต่งเพลงแต่ไม่มีใครฟังก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะมีคนมาฟังวงการเลยอยู่ได้ และผู้ชมนี้เองที่จะก้าวมาเป็นผู้สร้างต่อไป(ผู้สร้างขั้นต้นก็คือคนของบริษัทไม่ก็คนที่ถูกจ้างมาให้แต่งเพลง)

        ก็จบไปแล้วสำหรับเรื่องของคนต่างๆในวงการหวังว่าทุกท่านคงเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละบทบาทในวงการขึ้นมาบ้าง ไม่ว่าคุณจะนั่งฟังเฉยๆ หรือลุกออกมาทำอะไร คุณก็มีส่วนทำให้วงการขยายมากขึ้นทุกคน

ไปที่สารบัญ