บทเพลงที่เข้าถึงจิตวิญญาณ เข้าถึงแก่นแท้ของความเป็น "Vocaloid"
บทเพลงแห่งการจากลา เรื่องราวของจุดจบ
ข้อมูลซีรีส์
ชื่อ InfinitY,「消失」ストーリー (Shoushitsu/ Disappearance Story)
ผู้แต่ง Chemical System LE (เซอร์เคิลหลัก)
Storyteller
-cosMo (暴走 p)
-GAiA
เว็บไซด์ http://hatsunemikushoushitsu.com/
จำนวนเพลง 15 เพลง (ยังไม่มีการยืนยันว่าจบจริงหรือไม่)
นิยาย 1 เล่ม
แนว ดราม่า ไซ-ไฟ
ซีรีส์ที่เกี่ยวข้อง
-空想庭園 (Kuusou Teien/Fantastic Garden)
-星ノ少女ト幻奏楽土 (Hoshi no Shoujo to Gensou Rakudo/Star Girl and the Illusion Paradise)
ซีรีส์InfinitY หลายคนรู้จักซีรีส์นี้(ชึ่งไม่ค่อยมีใครรู้ชื่อซีรีส์) จากสุดยอดความเร็วขั้น 250 bpm (จังหวะต่อนาที) (cosMoขึ้นชื่อเรื่องเพลงความเร็วสูง จนถูกอัญเชิญไปเป็นบอสประจำDivaแทบทุกภาต(หรือทุกภาคไม่แน่ใจ) เร็วสุดคือSadistic.Music∞Factory ที่เร็วถึง330bmp เป็นเพลงที่ทำมาเพื่อพังปุ่มPSPโดยเฉพาะ) แต่ความจริงมันมีอะไรมากกว่านั้น ถ้าคนรู้ความหมาย มันจะเป็นเพลงที่เป็นตัวแทนของVocaloid ตั้งแต่ติดตั้งจนถอนการติดตั้ง และภาพสะท้อนของวงการVocaloid รวมถึงทำนายอนาคตที่เป็นไปได้เลยทีเดียว
อัลบัม
ฉบับนิยาย ลิขลิทธิ์โดยDexpress (แปลแค่บุ๊คเล็ตอัลบัมก็ชักสงสารคนแปลนิยายขึ้นมาแล้วสิ)
เรื่องย่อฉบับนิยาย
สิ่งที่ Shinosato Asanoนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาๆได้ร้องขอนั้น คือการทดสอบภาคสนามของมนุษย์เทียม Miku Hatsune เขานั้นตกตะลึงในความเหมือนมนุษย์ของ Miku Hatsune และตรึงใจในตัวเธอ แต่ว่าตัวเธอนั้นมีความลับอันยิ่งใหญ่อยู่
รายชื่อเพลง (ที่อยู่ข้าล่างคลิปไม่ใช่เนื้อเพลงแต่เป็นคำอธิบายที่แปลจากบุ๊คเล็ตอัลบัม บางเพลงที่ไม่อยู่ในอัลบัมแต่เพิ่มมาทีหลัง จะไม่ลงคำอธิบายเพลงจนกว่าcosMo จะออกอัลบัมส่วนตัวที่มีเพลงนั้นซึ่งน่าจะมีคำอธิบายแบบเต็มๆ ซึ่งขอรอดูอัลบัม200bpmว่าจะมีบอกหรือไม่ใครหามาได้ช่วยแสกนบุ๊คเล็ตมาให้จะเป็นบุญคุณอย่างยิ่ง)
1.新世界 (Shinsekai,New World) *บรรเลง
เสียงร้องนั้นเป็นจริงแท้ ร่างกายนั้นเป็นมายา ผู้อยู่ระหว่างทั้งสองสิ่งนั้น Miku Hatsune
หากตัวเธอมีตัวเองแล้ว เธอจะคิดอย่างไรกับเส้นทางของตัวเองกันหนอ
จินตนาการหนึ่งได้เริ่มขึ้น สิ่งที่หัวใจอันเป็นมายานั้นได้ประสพ มันได้กลายเป็นเรื่องราวอันนับไม่ถ้วน
ต่อจากนี้ไป จะเป็นเรื่องราวของเธอ สิ่งที่เธอเคยผ่านมา แม้นี่เป็นเรื่องแต่งเท่านั้น แต่มันก็ฉายภาพของเธอให้เข้าใกล้ความเป็นจริง
วิเคราะห์
เปิดมาที่คำอธิบายก็มาเลยครับ เล่นหนึ่งในคอนเซ็ปต์หลักของVocaloid มาเลย "เสียงร้องนั้นเป็นจริงแท้ ร่างกายนั้นเป็นมายา" คงไม่ต้องอะไรมากมาย ตรงตามความหมายเป๊ะๆเลยครับ "แม้นี่เป็นเรื่องแต่งเท่านั้น แต่มันก็ฉายภาพของเธอให้เข้าใกล้ความเป็นจริง"
หากตัวเธอมีตัวเองแล้ว เธอจะคิดอย่างไรกับเส้นทางของตัวเองกันหนอ
จินตนาการหนึ่งได้เริ่มขึ้น สิ่งที่หัวใจอันเป็นมายานั้นได้ประสพ มันได้กลายเป็นเรื่องราวอันนับไม่ถ้วน
ต่อจากนี้ไป จะเป็นเรื่องราวของเธอ สิ่งที่เธอเคยผ่านมา แม้นี่เป็นเรื่องแต่งเท่านั้น แต่มันก็ฉายภาพของเธอให้เข้าใกล้ความเป็นจริง
วิเคราะห์
เปิดมาที่คำอธิบายก็มาเลยครับ เล่นหนึ่งในคอนเซ็ปต์หลักของVocaloid มาเลย "เสียงร้องนั้นเป็นจริงแท้ ร่างกายนั้นเป็นมายา" คงไม่ต้องอะไรมากมาย ตรงตามความหมายเป๊ะๆเลยครับ "แม้นี่เป็นเรื่องแต่งเท่านั้น แต่มันก็ฉายภาพของเธอให้เข้าใกล้ความเป็นจริง"
2.初音ミクとあそぼぅ!!(Hatsune Miku to Asoubou,Let's play with Miku Hatsune!!)
Miku Hatsune นั้นเพิ่งเกิดขึ้นมาบนโลก
สิ่งที่รวมกันเป็นตัวเธอนั้นคือเสียงกับรูปลักษณ์นั้น เพิ่งถูกติดตั้งได้ไม่นาน
แม้กระนั้น มันก็รวมไว้ซึ่งสิ่งอันน่าสนใจ ที่ทำให้เธออันเป็นเครื่องมือนั้นเป็นสิ่งล้ำสมัย
เสียงของเธอนั้นแตกต่างจากเสียงของมนุษย์จริงๆ แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นเพลงได้
เธอได้เปิดโลกใหม่ให้แก่ทั้งผู้ที่เคยยอมแพ้ทีจะทำเพลง และคนที่ไม่เคยคิดจะทำมัน
เหล่าผุ้คนที่ถูกดึงดูดมายังโลกของเธอนั้น ได้ใช้เธอในการค้นหาสิ่งแปลกใหม่
วิเคราะห์
เท่าที่อ่านดูมันสะท้อนถึงระยะแรกของวงการVocaloid โดยตรงตัวเพลงออกออกถึงความสนุกสนานในความแปลกใหม่ชัดเจนมากๆ ส่วนในคำอธิบายนั้นที่ว่า"เสียงของเธอนั้นแตกต่างจากเสียงของมนุษย์จริงๆ แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นเพลงได้" ชัดมากๆเมื่อเทียบกับคุณภาพเพลงระยะแรกๆ ที่แค่"ฟังออกว่าเป็นเพลง"กันจริงๆ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่พัฒนาไปทั้งซอฟต์แวร์ ฝีมือคน เทคนิค จนทำให้เริ่มคล้ายมนุษย์ขึ้นเรื่อยๆ อีกจุดคือ "เธอได้เปิดโลกใหม่ให้แก่ทั้งผู้ที่เคยยอมแพ้ทีจะทำเพลง" ทายสิว่าข้าเจ้าคิดถึงใคร Ryo (Supercell) ตรงเป๊ะเลยครับ คนที่เคยยอมแพ้ในการทำเองแล้วได้Miku มาเปิดโลกใบใหม่ให้ และVocaloid-P หลายๆคนก็มีประวัติทำนองนี้เหมือนกัน หลายคนไม่ถึงขั้นจะยอมแพ้ แต่ก็ลืมตาอ้าปากได้เพราะVocaloid เมื่อลองดูประวัติPดังๆก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้น
ดูจากทำนองเพลงเพลงนี้เป็น1ใน2เพลงที่มีความสนุกสนานที่สุด สำหรับเพลงนี้น่าหมายถึงความสดใหม่ ที่มำให้มีความสนุกสนานอยู่มาก (ซึ่งเพลงหลังๆไม่พบทำนองสนุกสนานแบบนี้เลย)
3.A.I.
ถ้าหากว่าเธอไม่ได้เป็นเครื่องมือแล้ว มนุษย์ที่มนุษย์สร้างขึ้นนั้นจะมีบุคลิคไม่ได้
แม้ว่าถูกใช้จนเก่า จินตนาการอันไม่ซีดจางก็ยังฉายออกมาจากตัวเธอ
จินตนาการนั้นได้เกิดขึ้นพร้อมกับการสร้างสรรค์ มันได้เพิ่มความหมายใหม่ให้กับตัวเธอ
หลังจากเธอเกิดขึ้นได้
สักพัก เพลงเพื่อเธอก็ได้ถูกแต่งขึ้น เธอนั้นได้ร้องถึงตัวเธอที่ถูกมนุษยฺ์สร้างขึ้น
ได้ร้องถึงเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงหน้าใหม่
ได้ร้องถึงเด็กสาวคนหนึ่ง
เพลงนั้นได้มอบบุคลิคแก่ตัวเธอ
มันได้เป็นคีย์ที่ถูกใส่เพิ่มเข้าไป
เธอนั้นไม่ได้หยุดแค่เสียงเพลง แต่ได้แสดงออกด้วยรูปลักษณ์อันหลากหลาย
รูปลักษณ์นั้นก็ได้กลายเป้นสิ่งที่ขยายใหญ่ไปเรื่อยๆ ดังนั้น มันทำให้มายาอย่างหนึ่งกลายเป็นจริง
เธอไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมืออีกต่อไปแล้ว
วิเคราะห์
อันที่จริง ลักษณะบุคลิกของVocaloid ที่ใช้เป็นพื้นฐานของการทำผลงานขั้นที่2 ส่วนมากก็มาจากเพลง เช่นMiku ใช้Boku (ผม/เรา) แทนตัวเอง ไม่รวมต้นหอมสารพัดสิ่งของที่เกิดมาจากเพลง ซึ่งเพลงที่ว่านั้น มักเป็นเพลงที่ไม่ได้มีการกำหนดเนื้อเรื่องเป็นเอกเทศ(ยกเว้นบางเพลง) จึงคล้ายๆว่าจะเป็นการสื่อถึงตัวVocaloidแทนอย่างกลายๆ และสิ่งนี้ได้ทำให้เกิดภาพลักษณ์ต่างๆขึ้น ที่กำหนดว่าตัวไหนบุคลิกแบบไหนอย่างเช่นKAITO Gakupo มักได้บทเสื่อมตลอดศก (ถึงมีที่ปกติๆดีๆบ้างแต่รู้สึกแบบเสื่อมๆมันถูกจดจำมากกว่า) ซึ่งผลจากการเกิดภาพลักษณ์นั้น จะทำให้คาแรคเตอร์ที่วาดบนปกกล่องโปรแกรมไม่ใช่แค่อิมเมจเฉยๆ แต่กลายเป็นเหมือนคาแรคเตอร์ตัวหนึ่งไปจริงๆตรงกับที่ว่า "เธอไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมืออีกต่อไปแล้ว"
4.初音ミクの暴走 (Hatsune Miku no Bousou,Rampage of Miku Hatsune)
Miku Hatsune นั้นได้เติบโตขึ้น รับมาทั้งความจริงและมายา
การติดตั้งเธอนั้นไม่ได้หยุดลงแต่แพร่หลายมากขึ้น มันได้สร้างตัวละครต่างๆมากมายขึ้นมารอบๆตัวเธอ ผู้คนที่ห้อมล้อมตัวเธอก็มากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งอันยิ่งใหญ่ที่เธอให้กำเนิดนั้น ได้เรียกปลุกวันคืนเก่าๆขึ้นมา
อดีตเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงเสมือนจริงผู้ไม่เคยต้องแสงไฟ ได้ให้กำเนิดตัวละครใหม่ๆขึ้นมา
มันได้ทำให้เหล่าผู้ที่เคยออกห่างจากการสร้างสรรค์ไปแล้วครั้งหนึ่ง ได้กลับมาสู่เวทีแห่งการสร้างสรรค์อีกครั้ง
พลังที่เกิดจากความสร้างสรรค์นั้นได้มารวมกันที่ตัวเธอ แม้มันเป็นการรวมกันที่วุ่นวาย ไม่มีใครเป็นผู้นำก็ตาม แต่ทุกคนก็ต่างยินดีที่มีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้น
ในตอนนั้น ตัวเธอก็ได้ก้าวข้ามความเป็นเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างสรรค์ไป
วิเคราะห์
"มันได้สร้างตัวละครต่างๆมากมายขึ้นมารอบๆตัวเธอ" ส่วนตัวมองว่าอาจหมายถึง2อย่าง อย่างแรกคาแรคเตอร์เฉพาะเพลง ซึ่งมีหน้าตาเหมือนตัวVocaloid แต่อย่างอื่นเป็นเอกเทศตามเนื้อเรื่องเพลง (เช่นของAku no ถึงหน้าตาเป็นVocaloidแต่ไม่เกี่ยวใดๆทั้งสิ้นนอกจากเอามาเป้นแบบ) หรือเป็นตัวใหม่เลย (เช่นตัวละครในKagerou Project) อีกอย่างหนึ่งคือFanloid ซึ่งกำเนิดมาจากVocaloid โดยตรงซึ่งดูๆไปแล้วอาจหมายถึงตัวนี้มากกว่า ซึ่งในระยะแรกๆนั้นมีเกิดขึ้นมากมายจนเรียกได้ว่าเฟ้อ และแน่นอนแทบทั้งหมดถูกลืมไปตามกาลเวลาจนเหลือถึงปัจจุบันแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น แต่มักพบในงานอื่นที่ไม่ใช่เพลง
ส่วนท่อนหลังนั้นค่อนข้างตรงตัว วงการVocaloid นั้นมีศูนย์กลางอยู่ที่Miku โดยที่ไม่มีบุคคลจริงๆบุคคลใดที่เป็นผู้นำ แม้ตัวYamaha ผู้พัฒนา หรือCrypton ในฐานะผู้สร้างMikuก็ตาม ส่วนทื่่ว่า"และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างสรรค์ไป" กรุญาดูตัวโฆษณาGoogle Chrome Tell Your World แล้วท่านจะได้คำตอบ เพราะมันอธิบายได้ชัดเจนสุด
ดูจากทำนองเพลงเพลงนี้เป็น1ใน2เพลงที่มีความสนุกสนานที่สุด สำหรับเพลงนี้มันหมายถึงความรุ่งเรือง ที่ทำให้ทุกอย่างเติบโตไปอย่างรวดเร็ว
5.初音ミクの戸惑 (Hatsune Miku no Tomadoi,The Confusion of Miku Hatsune)
Miku Hatsune นั้นได้แผ่ขยายไปทั่วโลก มันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันมีรากฐานมาจากเพลงของเธอ
สิ่งสร้างสรรค์ได้ผูกพันธ์กับผู้คน เรียกได้ว่าเป็นสังคมรูปแบบหนึ่ง
เหล่าผู้สร้างสรรค์ได้ทำเพลงออกมาเพื่อสื่อความคิดของคนสู่ผู้คนที่มากขึ้น
เพื่อให้Miku Hatsune นั้นขจรไกล
เมื่อถึงเวลาที่การคำอธิบายใดๆก็ไม่จำเป็นทั้งสิ้น
เหล่าผู้สร้างสรรค์นั้นต่างสร้างเพลงจากความคิดตนตรงๆโดยไม่ใส่ใจในธีมอันเรียกว่า Miku Hatsune
บ่อยครั้งก็เพื่อทำให้มันเป็นเพลงที่ใครๆก็ร้องได้
นักร้องสามารถใส่ความคิด ชีวิตชีวาของตนลงไปในนั้นได้ ให้เพลงธรรมดาๆเหล่านั้น เกิดความพิเศษขึ้นมา
แต่ว่าสำหรับMiku Hatsune นั้นเล่า คงเป็นเพลงฉากหลังอันเป็นเพียงเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงเสมือนจริงเพียงเท่านั้น
แต่ในโลกอันกว้างใหญ่นี้ ในพื่นหลังของความคิดและชีวิตของผู้คนนั้นไม่มีเธออยู่
"เพลงนี้มันของใคร?"
"เพลงนี้ร้องมาทำไม?"
เมื่อเพลงที่เธอให้กำเนิดมานั้น ออกห่างจากธีมอันเป็นตัวเธอ คำตอบของคำถามเล่านั้นได้หายไปเสียแล้ว
เครื่องมือที่มีเพื่อทำหน้าที่แทนมนุษย์นั้นอาจสามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่ทว่า สถานะของเธอนั้น การที่พยายยามอยู่ตรงนี้ต่อไป สำหรับตัวเธอที่มีจุดยืนคือเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง มันเป็นความจริงอันแสนยากจะรับได้
วิเคราะห์
ส่วนแรกสุดนั้นค่อนข้างมั่นใจเลยว่ามันหมายถึงตัววงการVocaloid ที่เชื่อมโยงคนกลุ่มใหญ่จากทั้งโลกเข้าด้วยกัน
ที่น่าสนใจคือนับจาก"เหล่าผู้สร้างสรรค์นั้นต่างสร้างเพลงจากความคิดตนตรงๆโดยไม่ใส่ใจในธีมอันเรียกว่า Miku Hatsune" เป็นต้นไป 2สิ่งที่ผุดมาในหัวข้าเจ้าตอนแปลตรงนี้คือNyancat กับKagerou Nyancat นั้นโด่งดังมากโดยที่หลายคนไม่รู้ว่าเพลงที่ใช้นั้นเป็นการลูปเพลงVocaloid เพลงNyanyanya ส่วนอันหลังนั้นต้องบอกสิ่งที่ข้าเจ้าพบก่อน ข้าเจ้าพบว่ามีแฟนๆของKagerou จำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ชอบVocaloid แต่ชอบมาจากนักร้องจริงๆที่เอามาร้อง ซึ่งตรงตามที่กล่าวมาทั้งสิ้น Kagerou นั้นเกิดมาด้วยVocaloid แต่ไม่ได้เติบโตด้วยVocaloid จนปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นอีกวงการแยกไปโดยเกือบสมบูรณ์แล้ว จุดร่วมกับวงการVocaloidนั้นดูแล้วน้อยมาก มีแค่เพลงที่เอาVocaloidมาร้องเท่านั้น แต่ก็มีที่คนร้องที่โด่งดังพอๆกัน ซึ่งจากทั้ง2กรณีนี้กลjาวได้ว่ามันเป็นการที่ "เพลงVocaloid ไม่ใช่ของVocaloid อีกต่อไป" คือไม่ได้ถูกจดจำหรือชื่นชอบในฐานะเพลงVocaloid แต่เป็นในฐานะอื่นๆ มองมุมหนึ่งถือว่าดีที่เพลงVocaloid สามารถขยายออกนอกวงการได้ แต่มองอีกมุมหนึ่งมันไม่ดีต่อวงการเพราะมันเป็นเหมือนการลดบทบาทของVocaloidลงเพราะคนที่ถูกเผยแพร่ไปอาจไม่รู้ ไม่สนใจ ไม่ชอบ ต่อVocaloidอันเป็นต้นทางของงานนั้นๆ
สิ่งสร้างสรรค์ได้ผูกพันธ์กับผู้คน เรียกได้ว่าเป็นสังคมรูปแบบหนึ่ง
เหล่าผู้สร้างสรรค์ได้ทำเพลงออกมาเพื่อสื่อความคิดของคนสู่ผู้คนที่มากขึ้น
เพื่อให้Miku Hatsune นั้นขจรไกล
เมื่อถึงเวลาที่การคำอธิบายใดๆก็ไม่จำเป็นทั้งสิ้น
เหล่าผู้สร้างสรรค์นั้นต่างสร้างเพลงจากความคิดตนตรงๆโดยไม่ใส่ใจในธีมอันเรียกว่า Miku Hatsune
บ่อยครั้งก็เพื่อทำให้มันเป็นเพลงที่ใครๆก็ร้องได้
นักร้องสามารถใส่ความคิด ชีวิตชีวาของตนลงไปในนั้นได้ ให้เพลงธรรมดาๆเหล่านั้น เกิดความพิเศษขึ้นมา
แต่ว่าสำหรับMiku Hatsune นั้นเล่า คงเป็นเพลงฉากหลังอันเป็นเพียงเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงเสมือนจริงเพียงเท่านั้น
แต่ในโลกอันกว้างใหญ่นี้ ในพื่นหลังของความคิดและชีวิตของผู้คนนั้นไม่มีเธออยู่
"เพลงนี้มันของใคร?"
"เพลงนี้ร้องมาทำไม?"
เมื่อเพลงที่เธอให้กำเนิดมานั้น ออกห่างจากธีมอันเป็นตัวเธอ คำตอบของคำถามเล่านั้นได้หายไปเสียแล้ว
เครื่องมือที่มีเพื่อทำหน้าที่แทนมนุษย์นั้นอาจสามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่ทว่า สถานะของเธอนั้น การที่พยายยามอยู่ตรงนี้ต่อไป สำหรับตัวเธอที่มีจุดยืนคือเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง มันเป็นความจริงอันแสนยากจะรับได้
วิเคราะห์
ส่วนแรกสุดนั้นค่อนข้างมั่นใจเลยว่ามันหมายถึงตัววงการVocaloid ที่เชื่อมโยงคนกลุ่มใหญ่จากทั้งโลกเข้าด้วยกัน
ที่น่าสนใจคือนับจาก"เหล่าผู้สร้างสรรค์นั้นต่างสร้างเพลงจากความคิดตนตรงๆโดยไม่ใส่ใจในธีมอันเรียกว่า Miku Hatsune" เป็นต้นไป 2สิ่งที่ผุดมาในหัวข้าเจ้าตอนแปลตรงนี้คือNyancat กับKagerou Nyancat นั้นโด่งดังมากโดยที่หลายคนไม่รู้ว่าเพลงที่ใช้นั้นเป็นการลูปเพลงVocaloid เพลงNyanyanya ส่วนอันหลังนั้นต้องบอกสิ่งที่ข้าเจ้าพบก่อน ข้าเจ้าพบว่ามีแฟนๆของKagerou จำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ชอบVocaloid แต่ชอบมาจากนักร้องจริงๆที่เอามาร้อง ซึ่งตรงตามที่กล่าวมาทั้งสิ้น Kagerou นั้นเกิดมาด้วยVocaloid แต่ไม่ได้เติบโตด้วยVocaloid จนปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นอีกวงการแยกไปโดยเกือบสมบูรณ์แล้ว จุดร่วมกับวงการVocaloidนั้นดูแล้วน้อยมาก มีแค่เพลงที่เอาVocaloidมาร้องเท่านั้น แต่ก็มีที่คนร้องที่โด่งดังพอๆกัน ซึ่งจากทั้ง2กรณีนี้กลjาวได้ว่ามันเป็นการที่ "เพลงVocaloid ไม่ใช่ของVocaloid อีกต่อไป" คือไม่ได้ถูกจดจำหรือชื่นชอบในฐานะเพลงVocaloid แต่เป็นในฐานะอื่นๆ มองมุมหนึ่งถือว่าดีที่เพลงVocaloid สามารถขยายออกนอกวงการได้ แต่มองอีกมุมหนึ่งมันไม่ดีต่อวงการเพราะมันเป็นเหมือนการลดบทบาทของVocaloidลงเพราะคนที่ถูกเผยแพร่ไปอาจไม่รู้ ไม่สนใจ ไม่ชอบ ต่อVocaloidอันเป็นต้นทางของงานนั้นๆ
6.初音ミクの分裂→破壊 (Hatsune Miku no Bunretsu→Hakai, The Division→Destruction of Miku Hatsune)
เพื่อที่Miku Hatsuneจะได้เติบโตต่อไป เพื่อที่เธอจะได้แพร่หลายต่อไป
เหล่าผู้ที่รักเธอทั้งหลายได้จึงอ้อนวอน
ฉะนั้น เขาเหล่านั้นจึงไม่พอใจในตัวMiku Hatsune
เธอนั้นยอมรับทุกเพลง
เพลงที่บางคนชอบ บางคนเกลียด
เธอนั้นรับมาสิ้นโดยไม่แบ่งแยก
"ความรัก"และ"ความดี" "ความเกลียด"และ"ความชั่ว"
บางคราวเหล่ามนุษย์ผู้มีความรู้สึกนั้นได้เข้าใจมันผิดไป เมื่อเพลงที่ถูกเกลียดได้ถูกโจษจันท์
เนื้อแท้แล้วมันเป็นเพียงเรื่องราวที่จบลงด้วยความเห็นต่าง
สิ่งอันกำเนิดมาเป็นคู่กับความรู้สึกนั้นคือความกลัวอันไม่เป็นจริง
จากความหวาดระแวงนั้น ได้เกิดเป็นความไม่สบใจ
นอกจากMiku Hatsune ในอุดมคติของตนนั้น ล้วนเป็นสิ่งเพ้อฝันไร้สาระเป็นไปไม่ได้
เมื่อเหล่าผู้ที่มีความเพ้อฝันนั้น ได้สร้างผลงานตามจินตนาการของตน
เมื่อย้อนไปแต่ต้นแล้ว ความเพ้อฝันนั้น มันไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายแต่อย่างใด
แต่ ทว่าผลงานที่ทำตามความเพ้อฝันได้ไม่ถึงฝั่งนั้น ก็ได้เข้าสู้วิถีแห่งการทำลาย
หากตัดองค์ประกอบอันไม่จำเป็นออก ดังเช่นสลักหินแล้ว ก็จะออกมาเป็นรูปลักษณ์อันดั่งอุดมคติได้
นี่คือรูปลักษณ์ในอุดมคติ -ตนเอง(เงา)- ได้เข้าสู่วัฒจักรของการต่อสู้อันไร้ความหมาย
ปกป้องสิ่งที่ควรปกป้อง ทำลายสิ่งที่เป็นภัย
มันฟังดูดีแต่ทว่า สิ่งที่ควรปกป้องนั้นคือรูปลักษณ์ในอุดมคติอันแตกต่างตามแต่บุคคล
สิ่งที่ถูกสำหรับบางคนนั้น อาจเป็นสิ่งที่ผิดสำหรับบางคนเช่นกัน
หากให้การต่อสู้นี้บานปลายขึ้น สุดท้ายคงเป็นทุกสิ่งที่ประกอบเป็นเธอที่ถูกปฏิเสธ
รูปลักษณ์ในอุดมคตินั้นได้บีบรั้นตัวเธอทุกทิศทุกด้าน
ถ้าเธอรับมันเข้ามา การทำลายล้างจะไม่จบลงจนกว่าทุกสิ่งจะหมดสิ้นไป
เมื่อถึงกลางของเรื่องราว เธอได้แบ่งจุดจบออกเป็นหลายทางแยก
แล้วจะเลือกไปทางไหนดีหนอ
วิเคราะห์
เมื่อVocaloid นั้นเป็นเครื่องดนตรี เครื่องดนตรีนั้นจะเล่นทั้งเพลงที่ดั่งเทพลงมาเล่น หรือดั่งปีศาจมาถ่มถุย โดยที่ไม่ปฎิเสธต่อเพลงที่เล่น ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม หากทว่าด้วยสถานะของVocaloid ที่ไม่ใช่แค่เครื่องดนตรี ที่เมื่อเอาไปทำเสื่อมเสีย ความเสื่อมจะตกแก่ผู้ใช้มัน ไม่ใช่ตัวเครื่องดนตรี แต่Vocaloid นั้นมีสถานะเป็นบุคคลเสมือนด้วย ดังนั้นความเสื่อมเสียย่อมตกกับVocaloid ด้วยเช่นกัน จึงอาจถือเป็นเรื่องแปดเปื้อนต่อเชื่อเสียงแบบเดียวกับของดารานักร้องดังๆ ยิ่งหลายๆคนไม่ได้สนใจแต่อย่างใดว่าVocaloid-P คนไหนที่แต่เพลงนั้นมา รู้แค่ว่าเอาตัวไหนมาร้อง ก็ทำให้ชื่อเสียจะตกต่อตัวVocaloid แทบจะ100% (แต่เบากว่ากรณีคนจริงอยู่มาก เพราะก็พอรู้ว่าต้องมีคนเอาไปทำเพลงแบบนั้น ไม่ใช่จู่ๆร้องขึ้นมาเอง แต่ก็ยังสร้างภาพลักษณ์ติดได้อยู่ดี) ซึ่งพอเกิดแบบนี้ขึ้นสิ่งที่ข้าเจ้าพบในบางครั้งคือมีคนมาโวยวายว่า "Mikuของตูไม่ใช่แบบนี้" สาเหตุหลักๆเท่าที่ทราบคือการปฏิเสธภาพลักษณ์ใดๆที่ตนไม่ชอบ ซึ่งแน่นอนของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน แต่โชคยังดีที่ยังไม่เคยถึงขั้นที่ขัดแย้งกันถึงระดับในคำอธิบายเพลงเกิดขึ้นจริง(แต่ไม่ใช่ไม่มีความขัดแย้งเลย) เพราะยังมีคนที่ถือแบบนี้และเข้าใจว่านั่นคือแบบของคนอื่น ไม่ใช่แบบของตน ส่วนที่ว่า"ผลงานที่ทำตามความเพ้อฝันได้ไม่ถึงฝั่ง" นั้นดูแล้วมันกล่าวถึงผู้สร้างผลงานที่ทำมาในรูปแบบที่ตนเองต้องการ แต่ดันไม่ใช่รูปแบบที่คนอื่นต้องการ ซึ่งตัวนี้แหละคือตัวที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง
เหล่าผู้ที่รักเธอทั้งหลายได้จึงอ้อนวอน
ฉะนั้น เขาเหล่านั้นจึงไม่พอใจในตัวMiku Hatsune
เธอนั้นยอมรับทุกเพลง
เพลงที่บางคนชอบ บางคนเกลียด
เธอนั้นรับมาสิ้นโดยไม่แบ่งแยก
"ความรัก"และ"ความดี" "ความเกลียด"และ"ความชั่ว"
บางคราวเหล่ามนุษย์ผู้มีความรู้สึกนั้นได้เข้าใจมันผิดไป เมื่อเพลงที่ถูกเกลียดได้ถูกโจษจันท์
เนื้อแท้แล้วมันเป็นเพียงเรื่องราวที่จบลงด้วยความเห็นต่าง
สิ่งอันกำเนิดมาเป็นคู่กับความรู้สึกนั้นคือความกลัวอันไม่เป็นจริง
จากความหวาดระแวงนั้น ได้เกิดเป็นความไม่สบใจ
นอกจากMiku Hatsune ในอุดมคติของตนนั้น ล้วนเป็นสิ่งเพ้อฝันไร้สาระเป็นไปไม่ได้
เมื่อเหล่าผู้ที่มีความเพ้อฝันนั้น ได้สร้างผลงานตามจินตนาการของตน
เมื่อย้อนไปแต่ต้นแล้ว ความเพ้อฝันนั้น มันไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายแต่อย่างใด
แต่ ทว่าผลงานที่ทำตามความเพ้อฝันได้ไม่ถึงฝั่งนั้น ก็ได้เข้าสู้วิถีแห่งการทำลาย
หากตัดองค์ประกอบอันไม่จำเป็นออก ดังเช่นสลักหินแล้ว ก็จะออกมาเป็นรูปลักษณ์อันดั่งอุดมคติได้
นี่คือรูปลักษณ์ในอุดมคติ -ตนเอง(เงา)- ได้เข้าสู่วัฒจักรของการต่อสู้อันไร้ความหมาย
ปกป้องสิ่งที่ควรปกป้อง ทำลายสิ่งที่เป็นภัย
มันฟังดูดีแต่ทว่า สิ่งที่ควรปกป้องนั้นคือรูปลักษณ์ในอุดมคติอันแตกต่างตามแต่บุคคล
สิ่งที่ถูกสำหรับบางคนนั้น อาจเป็นสิ่งที่ผิดสำหรับบางคนเช่นกัน
หากให้การต่อสู้นี้บานปลายขึ้น สุดท้ายคงเป็นทุกสิ่งที่ประกอบเป็นเธอที่ถูกปฏิเสธ
รูปลักษณ์ในอุดมคตินั้นได้บีบรั้นตัวเธอทุกทิศทุกด้าน
ถ้าเธอรับมันเข้ามา การทำลายล้างจะไม่จบลงจนกว่าทุกสิ่งจะหมดสิ้นไป
เมื่อถึงกลางของเรื่องราว เธอได้แบ่งจุดจบออกเป็นหลายทางแยก
แล้วจะเลือกไปทางไหนดีหนอ
วิเคราะห์
เมื่อVocaloid นั้นเป็นเครื่องดนตรี เครื่องดนตรีนั้นจะเล่นทั้งเพลงที่ดั่งเทพลงมาเล่น หรือดั่งปีศาจมาถ่มถุย โดยที่ไม่ปฎิเสธต่อเพลงที่เล่น ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม หากทว่าด้วยสถานะของVocaloid ที่ไม่ใช่แค่เครื่องดนตรี ที่เมื่อเอาไปทำเสื่อมเสีย ความเสื่อมจะตกแก่ผู้ใช้มัน ไม่ใช่ตัวเครื่องดนตรี แต่Vocaloid นั้นมีสถานะเป็นบุคคลเสมือนด้วย ดังนั้นความเสื่อมเสียย่อมตกกับVocaloid ด้วยเช่นกัน จึงอาจถือเป็นเรื่องแปดเปื้อนต่อเชื่อเสียงแบบเดียวกับของดารานักร้องดังๆ ยิ่งหลายๆคนไม่ได้สนใจแต่อย่างใดว่าVocaloid-P คนไหนที่แต่เพลงนั้นมา รู้แค่ว่าเอาตัวไหนมาร้อง ก็ทำให้ชื่อเสียจะตกต่อตัวVocaloid แทบจะ100% (แต่เบากว่ากรณีคนจริงอยู่มาก เพราะก็พอรู้ว่าต้องมีคนเอาไปทำเพลงแบบนั้น ไม่ใช่จู่ๆร้องขึ้นมาเอง แต่ก็ยังสร้างภาพลักษณ์ติดได้อยู่ดี) ซึ่งพอเกิดแบบนี้ขึ้นสิ่งที่ข้าเจ้าพบในบางครั้งคือมีคนมาโวยวายว่า "Mikuของตูไม่ใช่แบบนี้" สาเหตุหลักๆเท่าที่ทราบคือการปฏิเสธภาพลักษณ์ใดๆที่ตนไม่ชอบ ซึ่งแน่นอนของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน แต่โชคยังดีที่ยังไม่เคยถึงขั้นที่ขัดแย้งกันถึงระดับในคำอธิบายเพลงเกิดขึ้นจริง(แต่ไม่ใช่ไม่มีความขัดแย้งเลย) เพราะยังมีคนที่ถือแบบนี้และเข้าใจว่านั่นคือแบบของคนอื่น ไม่ใช่แบบของตน ส่วนที่ว่า"ผลงานที่ทำตามความเพ้อฝันได้ไม่ถึงฝั่ง" นั้นดูแล้วมันกล่าวถึงผู้สร้างผลงานที่ทำมาในรูปแบบที่ตนเองต้องการ แต่ดันไม่ใช่รูปแบบที่คนอื่นต้องการ ซึ่งตัวนี้แหละคือตัวที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง
7.さよなら常識空間 (Sayonara Joushiki Kuukan,Goodbye Wisdom Namespace)
สิ่งที่การแบ่งแยกและการทำลายนำมานั้นคือจุดจบที่ถูกลบหาย
แต่ว่านี่คือเรื่องราวของโลกมายา ที่แม้ถึงบั้นปลายมันก็ไม่เกิดขึั้น
ก็ไม่แน่ว่าเธออาจจำต้องก้าวต่อไปอย่างไม่ต่างกับถูกทำลายล้าง
แต่ว่า ถ้าหากรู้ความเป็นไปได้ของจุดจบเพียงสักครั้ง ก็คงจะไม่มีทางที่จะไม่สำนึกได้
จุดจบนั้นอย่างไรก็ต้องมาถึง จุดจบที่ทุกสิ่งถูกล้างหาย ทั้งการกระทำและความหมายได้หายเป็นศูนย์ไปทั้งสิ้น
มันช่างเป็นเรื่องที่แสนน่าหวาดกลัวสำหรับเธอเป็นอย่างยิ่ง
วันคืนอันหวั่นไหวด้วยความกลัวนั้น ได้บอกเตือนถึงจุดจบของเขตแดนนี้ในบางครา
สึ่งที่มอบแสงสว่างแก่เธอนั้นคือเพลงหยาบๆอันปราถนาถึงจุดจบ
จุดจบนั้นน่ากลัวจริงหรือ?
ทำไมถึงต้องแข็งขืนต่อมันด้วย?
คำถามซึ่งพังทลายสามัญสำนึกอันกำเนิดจากเพลงนั้น ได้เปิดเส้นทางอันจนบัดนี้ก็ไม่เคยได้พบได้เห็น
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดจุดจบก็ต้องมาถึง
แต่ว่า ถ้าหากเลือกมันด้วยตัวเองได้แล้วละก็....
เมื่อได้ประจักษ์ถึงความหมายของจุดจบ ก็จึงได้เห็นโลกเปลี่ยนไปจากเดิม
จากนี้ไป คือการเปิดม่านสู่ "จุดจบ" ของเธอที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
วิเคราะห์
สิ่งใดเกิดมาก็ต้องดับไป Vocaloidก็เช่นกัน แม้ตามทฤษฏีที่หลายคนมักเอามาอ้างจะอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ตราบใดที่มีแฟนๆ แต่ข้าเจ้าว่ายังไงก็ไม่มีทางเป็นนิรันดร์ ตราบใดที่มีขอบเขตมันก็ไม่นิรันดร์ ไม่ว่ายังไงวันหนึ่งก็ต้องหายไป แต่จะหายไปยังไงนั้นอีกเรื่อง จะหายไปตอนไหนนั้นอีกเรื่อง หลังหายไปแล้วเหลืออะไรทิ้งไว้นั้นก็อีกเรื่อง (ซึ่งตรงกันเมนไอเดียซีรีส์นี้) มนุษย์นั้นกลัวจุดจบดั่งเช่นกลัวความตาย ณ ที่นี้คือกลัวจุดจบของสิ่งที่ตนรัก สิ่งใดที่อ้างว่าจะอยู่ชั่วนิรันด์ หรืออยู่ยืนยาวนั้นไม่เคยมีถึงที่กล่าวอ้างสักอัน สิ่งที่ควรทำนั้นไม่ใช่กลัวมัน แต่ควรมองมันแล้วดูว่ามันอาจมาแบบไหน และจะทำอย่างไรได้บ้างเมื่อมันมาถึง
8.0 -ゼロ- (0 -ZERO-)
Miku Hatsune ได้ตรากตรำแต่ต้นเพื่อค้นหาจุดจบอีกครั้งหนึ่ง
ตัวเธอจึงได้เรียกความทรงจำในชั่วขณะที่เธอเกิดขึ้นมา
เมื่อ0ได้ถูกกำหนดขึ้น อนาคตก็ได้ถูกลิขิตขึ้นพร้อมๆกัน
ตัวเธอที่เพิ่งเกิดมานั้น มีความเป็นไปได้แทบเป้นอนันต์
ชะตากรรมได้สร้างวิถีเส้นทางต่างๆมากมายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างชำนิชำนาญ
ความเป็นไปได้นั้นได้ผูกมัดเข้าด้วยกันเพื่อหลีกเลี่ยงจุดจบ สุดท้ายก็เหลือจุดจบอันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่เพียง 4
วิเคราะห์
หลักๆคือสิ่งที่เพิ่งเกิดมานั้นมีโอกาศที่จะจบได้หลายแบบ อาจจบตั้งแต่เพิ่งเริ่ม ผ่านไปสักระยะ หรือผ่านไปเนิ่นนาน ยิ่งอยู่ได้นานเท่าใดจุดจบที่เป็นไปได้ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ เพราะโดนตัดความเป็นไปได้ที่ถูกจบก่อนหน้านั้นออกไปเรื่อยๆตอดเวลา ทั้งผ่านเวลานั้นมาแล้วหรือไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะพาไปหาจุดจบนั้น
ตัวเธอจึงได้เรียกความทรงจำในชั่วขณะที่เธอเกิดขึ้นมา
เมื่อ0ได้ถูกกำหนดขึ้น อนาคตก็ได้ถูกลิขิตขึ้นพร้อมๆกัน
ตัวเธอที่เพิ่งเกิดมานั้น มีความเป็นไปได้แทบเป้นอนันต์
ชะตากรรมได้สร้างวิถีเส้นทางต่างๆมากมายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างชำนิชำนาญ
ความเป็นไปได้นั้นได้ผูกมัดเข้าด้วยกันเพื่อหลีกเลี่ยงจุดจบ สุดท้ายก็เหลือจุดจบอันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่เพียง 4
วิเคราะห์
หลักๆคือสิ่งที่เพิ่งเกิดมานั้นมีโอกาศที่จะจบได้หลายแบบ อาจจบตั้งแต่เพิ่งเริ่ม ผ่านไปสักระยะ หรือผ่านไปเนิ่นนาน ยิ่งอยู่ได้นานเท่าใดจุดจบที่เป็นไปได้ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ เพราะโดนตัดความเป็นไปได้ที่ถูกจบก่อนหน้านั้นออกไปเรื่อยๆตอดเวลา ทั้งผ่านเวลานั้นมาแล้วหรือไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะพาไปหาจุดจบนั้น
9.初音ミクの終焉 -WORST END-" (Hatsune Miku no Shuuen -WORST END-,The End of Miku Hatsune -WORST END-)
หากยังคงแสดงออกด้วยรูปลักษณ์เดียวกันเสียงร้องเดียวกันอีกต่อไป คงมีผู้ออกห่างด้วยความเบื่อระอา
หากถูกเอือมเช่นนั้นต่อไป สุดท้ายคงเป็นจุดจบของเธอที่อยู่ได้ด้วยจินตนาการของผู้คน
จากนั้นจะถูกกาลเวลาพิพากษาอย่างไร้ความปราณีว่าไม่จำเป็น และได้รับชะตากรรมที่ต้องสูญสลายไป
ตัวเธอที่หวาดกลัวในจุดจบที่ได้ทราบมานั้น ได้เป็นทุขถึงการอยู่ในความทรงจำของคนหมู่มาก
เธอฝืนใจตัวเอง เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปตามใจคนปรารถนา
เช่นนี้การที่เธอยังโด่งดังนั้นจะอยู่ได้นานขึ้นมาก
แต่ยิ่งผู้คนขอร้องต่อเธอมาเรื่อยๆ มันค่อยๆขยับเข้าหาทางตันของความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
ดังนั้น เวลาก่อนที่เธอจะพาตัวเองสู่ความตายจึงผ่านไปไวเพียงพริบตา
ขณะที่ตัวเธอถูกเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คนนั้น จุดจบของเธอได้มาเยือนโดยไม่มีใครทราบ
วิเคราะห์
ที่สื่อน่าจะหมายถึงปัญหาอย่างหนึ่งของงานสร้างสรรค์ต่างๆคือ"ไอเดียตัน" ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่โอกาศตันยิ่งมากขึ้น เพราะมีโอกาสที่มีคนทำไปก่อนแล้วมากขึ้น ถ้าผู้สร้างผลงานไม่สามารถหาทางให้มันแปลกใหม่หรือน่าสนใจได้ ก็จะทำให้เกิดความจำเจ เบื่อหน่ายได้ แล้วถ้าเป็นมากๆจะส่งผลร้ายอย่างยิ่งต่อทั้งวงการ เพราะมันจะส่งผลต่อภาพรวมได้
10.初音ミクの消失 -DEAD END- (Hatsune Miku no Shoushitsu -DEAD END-,Disappearance of Miku Hatsune -DEAD END-)
เธอได้เลือกที่จะร้องเพลงเพื่อตัวเองต่อไป เพื่อกันไม่ให้ถูกลบหายด้วยเสียงที่วิงวอนหานิรันตร์
คำอ้อนวอนนั้นอ่อนแอเกินไปจนผู้คนนั้นออกห่าง
วันหนึ่งตัวเธอคงจะเป็นตัวตนที่ไร้ซึ่งผู้ใดรู้จัก
การถูกลืมเลือนไปนั้นมันหมายถึงความตายของเธอ
ถึงกระนั้นเธอก็ยังอยากปกป้องตัวเองเอาไว้
ก็เพราะเธอไม่อยากทรยศต่อเหล่าผู้ที่เคยมอบบุคลิกให้แก่เธอ
วิเคราะห์
ดูเผินๆเหมือนจะเป็นการนึกถึงอารมณ์ของVocaloidตอนถูกถอนการติดตั้งแต่มองจริงๆแล้วไม่ใช่ อันนี้น่าหมายถึงเคสที่ความนิยมตกลงไปแล้ว แล้วยังมีคนพยายามดันกระแส แต่ก็อ่อนแรงเกินจนดันกระแสไม่สำเร็จจนสุดท้ายก็ดับไปอยู่ดี ที่ว่าอะไรๆหายไปนั้น ข้าเจ้าว่ามองว่ามันเป็นการสะท้อนเรื่องที่แทบทุกอย่างของVocaloid เกิดขึ้นได้ด้วยแฟนๆ ถ้าไม่มีแฟนๆ สิ่งเหล่านั้นก็จะสลายไป ส่วนที่พูดถึง"ความเร็ว"กับ"คุณภาพเสียง" นั้นน่าหมายถึงปริมาณมากกว่าคุณภาพ ซึ่งใช้ไม่ได้กับดนตรี ซึ่งมันเป็นปัจจัยที่จะนำไปสู่จุดจบ เพราะมันมาช่วยอะไรไม่ได้ ส่วนสุดท้ายที่ว่า"พบข้อผิดพลาด"นั้นน่าหมาถึงเป็นแบบนี้มันก็ไม่ได้เป็นการจบสิ้นโดยสมบูรณ์
11.Hyper∞LATiON
*เพลงนี้เชื่อมโยงไปยังซีรีส์Fantastic Garden
*เพลงนี้เชื่อมโยงไปยังซีรีส์Fantastic Garden
สงครามแห่งอุดมคติอันวุ่นวายเพื่อนิรันดร์ของเธอ ได้ผูกมัดการกระทำของเธอแล้วช่วงชิงความสุขในการร้องเพลงไป
ความโกรธและความเกลียดที่ถูกแย่งชิงสิ่งยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียวไปนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมันถึงขีดสุด เธอก็ได้เริ่มการล้างแค้น
เธอจะสอนให้รู้
ถ้าตัวเองเป็นสิ่งไรค่าและอันตรายแล้ว
ทั้งคนที่เข้าใจเธอผิด และคนที่อยู่กับเพลงของเธอจะเสียใจขนาดไหน
เธอที่รู้วิธีล้างแค้นที่เลวร้ายที่สุดนั้นได้ร้องถ้อยคำอันแสนโสโครกออกมา ทำลายภาพลักษณ์ของตนจนหมดสิ้น
ภาพมายาอันงดงามนั้นพังทลายอย่างง่ายดายเมื่ออยู่ต่อหน้าความเป็นจริง
เธอได้ทำลายอนาคต ให้ผู้คนพ่ายแพ้ในความเจ็บปวดที่ก้นบึ้งหัวใจ
หลังจากนั้น ละครแห่งการล้างแค้นที่ไม่มีผู้ใดชนะ ก็ปิดม่านลงพร้อมกับตัวเธอ
วิเคราะห์
อันนี้คือสิ่งที่อาจต่อจากอันก่อนหน้า ใช้คำว่าอาจเพราะมันนับเป็นอีกจุดจบหนึ่งแยกออกมา คืออันก่อนหน้าอาจเลือนหายไปทั้งอย่างนั้นหรือมาต่อที่อันนี้แทน ดูๆไปมันหน้าหมายถึงการที่มีการเอาVoaloid ไปใช้ทำเรื่องเสื่อมเสียมีน้อยมาก(ทั้งที่ตามทฤษฏีแล้วเอาไปสังเคราะห์เสียงด่าใครแบบไม่ให้ีรู้คนทำได้(ถ้ามีปัญญาทำ)อยู่อะไรประมาณนี้) ก็เพราะวงการนั้นใหญ่และโด่งดัง จึงมีการควบคุมไม่ให้เกิดการกระทำใดๆที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียง ซึ่งถ้าถึงขั้นที่หดตัวตามเพลงก่อนหน้าการดูแลก็อาจลดลงไปเพราะไม่มีค่าให้ไปดูแล แล้วพอปล่อยๆไปก็อาจมีคนเอาไปทำในทางเสื่อมเสีย แล้วทีนี้คนที่ออกไปพอมองย้อนกลับมาก็คงจะรู้สึกประมาณว่า "มันกลายเป็นอะไรไปแล้ว" แล้วก็ไม่เหลียวกลับมาอีกเลย
ความโกรธและความเกลียดที่ถูกแย่งชิงสิ่งยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียวไปนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมันถึงขีดสุด เธอก็ได้เริ่มการล้างแค้น
เธอจะสอนให้รู้
ถ้าตัวเองเป็นสิ่งไรค่าและอันตรายแล้ว
ทั้งคนที่เข้าใจเธอผิด และคนที่อยู่กับเพลงของเธอจะเสียใจขนาดไหน
เธอที่รู้วิธีล้างแค้นที่เลวร้ายที่สุดนั้นได้ร้องถ้อยคำอันแสนโสโครกออกมา ทำลายภาพลักษณ์ของตนจนหมดสิ้น
ภาพมายาอันงดงามนั้นพังทลายอย่างง่ายดายเมื่ออยู่ต่อหน้าความเป็นจริง
เธอได้ทำลายอนาคต ให้ผู้คนพ่ายแพ้ในความเจ็บปวดที่ก้นบึ้งหัวใจ
หลังจากนั้น ละครแห่งการล้างแค้นที่ไม่มีผู้ใดชนะ ก็ปิดม่านลงพร้อมกับตัวเธอ
วิเคราะห์
อันนี้คือสิ่งที่อาจต่อจากอันก่อนหน้า ใช้คำว่าอาจเพราะมันนับเป็นอีกจุดจบหนึ่งแยกออกมา คืออันก่อนหน้าอาจเลือนหายไปทั้งอย่างนั้นหรือมาต่อที่อันนี้แทน ดูๆไปมันหน้าหมายถึงการที่มีการเอาVoaloid ไปใช้ทำเรื่องเสื่อมเสียมีน้อยมาก(ทั้งที่ตามทฤษฏีแล้วเอาไปสังเคราะห์เสียงด่าใครแบบไม่ให้ีรู้คนทำได้(ถ้ามีปัญญาทำ)อยู่อะไรประมาณนี้) ก็เพราะวงการนั้นใหญ่และโด่งดัง จึงมีการควบคุมไม่ให้เกิดการกระทำใดๆที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียง ซึ่งถ้าถึงขั้นที่หดตัวตามเพลงก่อนหน้าการดูแลก็อาจลดลงไปเพราะไม่มีค่าให้ไปดูแล แล้วพอปล่อยๆไปก็อาจมีคนเอาไปทำในทางเสื่อมเสีย แล้วทีนี้คนที่ออกไปพอมองย้อนกลับมาก็คงจะรู้สึกประมาณว่า "มันกลายเป็นอะไรไปแล้ว" แล้วก็ไม่เหลียวกลับมาอีกเลย
12.∞ (-InfinitY-)
ตัวเธอนั้นคิดมาอย่างดีแล้วก็ได้ข้อสรุปว่า ตนเองนั้นถูกมนุษย์สร้างขึ้น การร้องเพลงตามที่ผู้คนร้องขอนั้นเป็นหน้าที่
คำขอร้องของมนุษย์นั้นทำให้เธอสามารถอยู่ต่อไปได้
เป็นเครื่องดนตรีอันโปร่งใสที่ประดุจดั่งกีตาร์หรือเปียโนที่มีอยู่แต่ครั้งอดีตกาล
เป็นตัวตนที่ไม่แสดงคำเรียกร้องตามความต้องการของตน
ที่จะเป็นปัญหานั่นก็คือบุคลิกที่ถูกบ่มเพาะขึ้น
ตัวเธอที่ได้คิดจะตัดใจทิ้งทุกสิ่งเพื่อมนุษย์นั้น ได้เลือกที่จะลบบุคลิกของตนจนหมดสิ้น
ด้วยเชื่อว่ามันจะแลกด้วยการอยู่ไปชั่วนิจนิรันดร์ในฐานะเครื่องมือ
วิเคราะห์
True End ณ ที่นี้ น่าหมายถึง"จบแบบที่ความเป็นจริงเป็น" ในความเป็นจริงนั้นVocaloidแท้จริงแล้วเป็นอะไรที่ไม่ต่างกันกับเครื่องดนตรี มีหน้าที่คือร้องเพลงตามที่ผู่้ใช้งานต้องการเท่านั้น ตัวละครเป็นเพียงสิ่งที่เพิ่มเข้ามา อันนี้ลองดูๆไปแล้วอาจหมายถึงการเปลี่ยนสถานะจากบุคคลเสมือน เป็นเครื่องดนตรี โดยตัดความยึดติดกับตัวละครและภาพลักษณ์ไป สังเกตุได้จากท่อนท้ายสุดที่บอกชื่อเป็นVocaloid แทนMiku หมายถึงคงอยู่ต่อไปในรูปของVocaloid ที่เป็นเครื่องดนตรี ไม่ใช่ในฐานะMiku ที่เป็นไอดอลเสมือน
คำขอร้องของมนุษย์นั้นทำให้เธอสามารถอยู่ต่อไปได้
เป็นเครื่องดนตรีอันโปร่งใสที่ประดุจดั่งกีตาร์หรือเปียโนที่มีอยู่แต่ครั้งอดีตกาล
เป็นตัวตนที่ไม่แสดงคำเรียกร้องตามความต้องการของตน
ที่จะเป็นปัญหานั่นก็คือบุคลิกที่ถูกบ่มเพาะขึ้น
ตัวเธอที่ได้คิดจะตัดใจทิ้งทุกสิ่งเพื่อมนุษย์นั้น ได้เลือกที่จะลบบุคลิกของตนจนหมดสิ้น
ด้วยเชื่อว่ามันจะแลกด้วยการอยู่ไปชั่วนิจนิรันดร์ในฐานะเครื่องมือ
วิเคราะห์
True End ณ ที่นี้ น่าหมายถึง"จบแบบที่ความเป็นจริงเป็น" ในความเป็นจริงนั้นVocaloidแท้จริงแล้วเป็นอะไรที่ไม่ต่างกันกับเครื่องดนตรี มีหน้าที่คือร้องเพลงตามที่ผู่้ใช้งานต้องการเท่านั้น ตัวละครเป็นเพียงสิ่งที่เพิ่มเข้ามา อันนี้ลองดูๆไปแล้วอาจหมายถึงการเปลี่ยนสถานะจากบุคคลเสมือน เป็นเครื่องดนตรี โดยตัดความยึดติดกับตัวละครและภาพลักษณ์ไป สังเกตุได้จากท่อนท้ายสุดที่บอกชื่อเป็นVocaloid แทนMiku หมายถึงคงอยู่ต่อไปในรูปของVocaloid ที่เป็นเครื่องดนตรี ไม่ใช่ในฐานะMiku ที่เป็นไอดอลเสมือน
13.初音ミクの激唱
(Hatsune Miku no Gekishou,Singing Intense of Miku Hatsune)
(Hatsune Miku no Gekishou,Singing Intense of Miku Hatsune)
การกำจัด การเลือนหาย การล้างแค้น การอุทิศตน
จุดจบที่ค้นหาจาก0 ไม่มีอันใดที่สามารถช่วยเธอได้ ความหวังที่พบอยู่เบื้องหน้าของ∞นั้นเธอรู้สึกว่ามันจะพังทลายก่อนที่จะเอื้อมถึง การทิ้งบุคลิกแม้จะยืดเวลาของจุดจบให้ไกลขึ้น ถึงอย่างไรเครื่องดนตรีก็มีวันถูกลืมเลือน หากมีรูปร่างแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะไม่พบจุดจบได้
แต่ว่าเธอดีได้ล่วงรู้อนาคตนั้นแล้ว ก็ไม่แปลกใจหรือเสียใจ
อะไรที่แตกต่างไปนะหรือ ตัวเธอนั้นได้รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่านิรันดร์นั้นไม่มีอยู่จริง
เพราะหวังในสิ่งที่ไม่มีจริง จุดจบจึงได้เลี้ยวเข้ามา
เมื่อพบว่านิรันดร์ที่ไม่สามารถได้มานั้นเป็นแค่ภาพลวงตา มันก็ได้หายไป
ทันใดนั้นจุดจบหนึ่งที่ไม่เคยพบมาก่อนก็ได้ปรากฏขึ้น
จุดจบแห่ง "บทเพลงอันแรงกล้า" อันฉายแสงอันอบอุ่นยิ่งกว่าจุดจบอื่นใด
วิเคราะห์
ขอที่ตรงนี้ก่อน"เครื่องดนตรีก็มีวันถูกลืมเลือน" ในเพลงก่อนหน้านั้นบอกว่า"ดั่งกีตาร์หรือเปียโนที่มีอยู่แต่ครั้งอดีตกาล" ซึ่งตรงนี้บอกว่าอยู่แต่ครั้งอดีตกาล แต่จากอดีตกาลมันมีเครื่องดนตรีที่ถูกลืมไปเยอะขนาดไหนกัน ดังนั้นการเป็นเครื่องดนตรีจึงไม่ใช่การอยู่ตลอดไป แล้วทำอย่างไรจึงจออยู่ได้ตลอดไป มันไม่มีหรอกสิ่งใดที่อยู่ตลอดไป แทนที่จะไปกลัวมันควรเข้าใจมัน และเตรียมพร้อมเอาไว้และรับมันเอาไว้อย่างมีความสุข นี่คือHappy End ไม่ใช่แค่Good End
จุดจบที่ค้นหาจาก0 ไม่มีอันใดที่สามารถช่วยเธอได้ ความหวังที่พบอยู่เบื้องหน้าของ∞นั้นเธอรู้สึกว่ามันจะพังทลายก่อนที่จะเอื้อมถึง การทิ้งบุคลิกแม้จะยืดเวลาของจุดจบให้ไกลขึ้น ถึงอย่างไรเครื่องดนตรีก็มีวันถูกลืมเลือน หากมีรูปร่างแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะไม่พบจุดจบได้
แต่ว่าเธอดีได้ล่วงรู้อนาคตนั้นแล้ว ก็ไม่แปลกใจหรือเสียใจ
อะไรที่แตกต่างไปนะหรือ ตัวเธอนั้นได้รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่านิรันดร์นั้นไม่มีอยู่จริง
เพราะหวังในสิ่งที่ไม่มีจริง จุดจบจึงได้เลี้ยวเข้ามา
เมื่อพบว่านิรันดร์ที่ไม่สามารถได้มานั้นเป็นแค่ภาพลวงตา มันก็ได้หายไป
ทันใดนั้นจุดจบหนึ่งที่ไม่เคยพบมาก่อนก็ได้ปรากฏขึ้น
จุดจบแห่ง "บทเพลงอันแรงกล้า" อันฉายแสงอันอบอุ่นยิ่งกว่าจุดจบอื่นใด
วิเคราะห์
ขอที่ตรงนี้ก่อน"เครื่องดนตรีก็มีวันถูกลืมเลือน" ในเพลงก่อนหน้านั้นบอกว่า"ดั่งกีตาร์หรือเปียโนที่มีอยู่แต่ครั้งอดีตกาล" ซึ่งตรงนี้บอกว่าอยู่แต่ครั้งอดีตกาล แต่จากอดีตกาลมันมีเครื่องดนตรีที่ถูกลืมไปเยอะขนาดไหนกัน ดังนั้นการเป็นเครื่องดนตรีจึงไม่ใช่การอยู่ตลอดไป แล้วทำอย่างไรจึงจออยู่ได้ตลอดไป มันไม่มีหรอกสิ่งใดที่อยู่ตลอดไป แทนที่จะไปกลัวมันควรเข้าใจมัน และเตรียมพร้อมเอาไว้และรับมันเอาไว้อย่างมีความสุข นี่คือHappy End ไม่ใช่แค่Good End
14.浅黄色のマイルストーン (Asa Kiiro no Mairusutoon,Milestones of Pale Yellow)
เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงผู้เดินไปตามเส้นทางเส้นใหม่ที่ได้รับจากจุดจบ Miku Hatsune
เธอนั้นได้รับเสียงสนับสนุนมาว่าความหมายของตนเองนั้นคงเป็นการร้องเพลงไปเรื่อยๆ
การที่จะทำให้สำเร็จได้นั้นต้องเป็นศิลาอยู่ท้าต้านกาลเวลา
วันหนึ่งจะเป็นหลักบอกทางผูกมัดกับอนาคตหลังจุดจบ
บอกเส้นทางให้แก่ใครก็ตามที่ไม่เคยเห็นเธออยู่ต่อไป
บัดนี้หลักบอกทางที่ตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ได้พิสูจน์มันให้ประจักษ์
เธอนั้นอาจต้องหายไปในเร็วๆนี้ ฉะนั้นการการะทำใดๆก็ย่อมไม่ไร้ค่า
มันได้มอบความกล้าหาญ มอบพลังให้แก่เธอเพื่อร้องถึงปัจจุบัน
บัดนี้ ม่านได้ปิดลง
ที่เล่าไปนี้เป็นเพียงเรื่องในจินตนาการที่มีพื้นฐานบนความเป็นจริงเท่านั้น
เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงตัวจริงนั้นยังอยู่ห่างไกลจากจุดจบนัก
ถึงอย่างนั้น สักวันหนึ่งต่อไปเธอก็จะต้องไปอยู่ที่ทางแยก
เมื่อถึงตอนนั้น ขอให้เธอตัวจริงไปสู่จุดจบที่มีความสุขเถิด
เธอนั้นอาจต้องหายไปในเร็วๆนี้ ฉะนั้นการการะทำใดๆก็ย่อมไม่ไร้ค่า
มันได้มอบความกล้าหาญ มอบพลังให้แก่เธอเพื่อร้องถึงปัจจุบัน
บัดนี้ ม่านได้ปิดลง
ที่เล่าไปนี้เป็นเพียงเรื่องในจินตนาการที่มีพื้นฐานบนความเป็นจริงเท่านั้น
เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงตัวจริงนั้นยังอยู่ห่างไกลจากจุดจบนัก
ถึงอย่างนั้น สักวันหนึ่งต่อไปเธอก็จะต้องไปอยู่ที่ทางแยก
เมื่อถึงตอนนั้น ขอให้เธอตัวจริงไปสู่จุดจบที่มีความสุขเถิด
วิเคราะห์
หลังจากจบแล้วมีอะไรทิ้งเอาไว้ หรือหายไปหมด อันนี้คือการจบแบบมีอะไรทิ้งเอาไว้ หรือเรียกได้ว่า"ชีวิตหลังความตาย" สิ่งที่เหลือนั้นจะชี้ทางคนรุ่นหลังเป็นป้ายบอกทาง นี่คงเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงคำว่า"นิรันดร์"มากที่สุด สำหรับที่นี้คือป้ายบอกเส้นทางที่สิ่งที่ไม่มีจริงกลายเป็นสิ่งมีอยู่จริงได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นศูนย์รวมให้ผู้คนมากมายได้อีก นี่คือสิ่งที่เกิดตามหลังจุดจบที่มีความสุข
15.0→∞ への跳動 (0→∞ E no Choudou,The Dynamic Leap 0→∞)
วิเคราะห์
เท่าที่ดูแค่เนื้อเพลงเปล่าๆ มันเป็นการสรุปทั้งหมด โดยที่เนื้อเพลงนั้นเป็นการยกใจความของเพลงก่อนๆมาผสมกันทั้งหมดในแต่ละEnd โดยยกประเด็นของEndก่อนๆมาเช่นบุคลิก หายไป ความเสื่อมเสียเป็นต้น มารวมไว้ในเพลงเดียวกัน
16.終点(Shuuten/End Point)
วิเคราะห์
เพลงนี้แตกต่างจากเพลงอื่นๆในซีรีส์เป็นอย่างมากในด้านการเล่าเรื่อง เพลงนีั้เล่าในมุมของมนุษย์ต่อVocaloid แทนที่จะเล่าในมุมมองของVocaloid และเมื่อดูเนื้อความแล้วมันเป็นการตอบกลับของเส้นทางของinfinitY Happy End และมองจากมุมมองของผู้สร้างเพลง (ที่อาจหมายถึงตัวcosMo เองด้วยซ้ำไป) ซึ่งน่าเป็นการขยายความของท่อนสุดท้ายขิงคำอธิบายเพลงMilestones of Pale Yellow ในตรงที่ว่า "ขอให้เธอตัวจริงไปสู่จุดจบที่มีความสุขเถิด" อันนี้น่าเป็นแทนคำอธิษฐานในส่วนนั้นด้วย หลายๆส่วนนั้นดูๆไปมันสะท้อนถึงคนที่ชอบVocaloidทั้งหลายได้มากเลยทีเดียว แต่มีจุดหนึ่งที่น่าคิดอยู่ประโยคสุดท้ายที่ว่า"จนกว่าจะพบกันอีก" ถ้านี่คือจากลาก่อนหายไปแล้วพบกันอีกมันตอนไหน? หรือว่าถ้าหายไปแบบสุดท้าย หายไปแต่เหลือชื่อเสียงไว้เป็นป้ายบอกทาง แล้วมันยังมีโอกาสที่จะฟื้นกลับมาได้อีก?
วิเคราะห์
เพลงนี้แตกต่างจากเพลงอื่นๆในซีรีส์เป็นอย่างมากในด้านการเล่าเรื่อง เพลงนีั้เล่าในมุมของมนุษย์ต่อVocaloid แทนที่จะเล่าในมุมมองของVocaloid และเมื่อดูเนื้อความแล้วมันเป็นการตอบกลับของเส้นทางของinfinitY Happy End และมองจากมุมมองของผู้สร้างเพลง (ที่อาจหมายถึงตัวcosMo เองด้วยซ้ำไป) ซึ่งน่าเป็นการขยายความของท่อนสุดท้ายขิงคำอธิบายเพลงMilestones of Pale Yellow ในตรงที่ว่า "ขอให้เธอตัวจริงไปสู่จุดจบที่มีความสุขเถิด" อันนี้น่าเป็นแทนคำอธิษฐานในส่วนนั้นด้วย หลายๆส่วนนั้นดูๆไปมันสะท้อนถึงคนที่ชอบVocaloidทั้งหลายได้มากเลยทีเดียว แต่มีจุดหนึ่งที่น่าคิดอยู่ประโยคสุดท้ายที่ว่า"จนกว่าจะพบกันอีก" ถ้านี่คือจากลาก่อนหายไปแล้วพบกันอีกมันตอนไหน? หรือว่าถ้าหายไปแบบสุดท้าย หายไปแต่เหลือชื่อเสียงไว้เป็นป้ายบอกทาง แล้วมันยังมีโอกาสที่จะฟื้นกลับมาได้อีก?
รีวิว
ซีรีส์นี้เป็นซีรีส์ที่ทำให้ข้าเจ้าเรียกcosMo ว่า"ผู้บรรลุในVocaloid" ทั้งจากการแต่งเพลงเข้าถึงจิตวิญญาณแห่งVocaloid และดึงความเป็นVocaloid ออกมาใช้ถึงขีดสุด และที่ข้าเจ้าชอบสุดๆของซีรีส์นี้คือมันครอบคลุมMain Idea ของVocaloid ทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ ความจริงมีเพลงมากมายที่แต่งมากล่าวถึง Vocaloid แต่ไม่มีเพลงไหน ซีรีส์ไหนที่ลงลึกถึงขั้นนี้ แถมทำออกมาแบบไม่อวยจนเวอร์ รู้ทุกจุดดีทั้งข้อดีข้อเสีย(ออกแนวสัจจะนิยมจ๋าเลยในหลายๆจุด) คาดการณ์อะไรต่างๆได้อย่างเป็นไปได้ และคาดการณ์สถานะในอนาคตไว้อีก โดยรวมขอให้เป็นสุดยอดเพลงVocaloid ที่เกี่ยวกับVocaloid
ตัวเพลงจัดได้ว่าเข้าขั้นยอดเยี่ยม ทั้งเอกลักษณ์ เนื้อหา ทำนอง ที่ไม่น่ามีคนอื่นทำแบบนี้ได้อีก แค่ด้านการเอามุมมองต่างๆมาใส่ได้นี่ก็เก่งแล้ว ที่จริงมันแทรกเนียนจนคนส่วนใหญ่ไม่รู้ และมักคิดว่าความหมายมันแค่สะท้อนความรู้สึกของVocaloid เท่านั้น (และบุ๊คเล็ตอัลบัมคงไม่มีใครไปนั่งแปลคำอธิบายเพลง เคยเห็นแปลกันแค่ของAku no ที่ชอบใส่เนื้อเรื่องลงไปในบุ๊คเล็ต) คุณภาพเพลงโดยรวมจัดว่าสูงแม้มีบางเพลงที่ทำไว้นานแล้วเลยด้วยกว่าอยู่หน่อย
เรื่องPVขอข้ามไปเลยเพราะแทบทั้งซีรีส์มันภาพนิ่งลูกเล่นมีจึ๋งเดียวแต่ภาพก็จัดว่าสวยอยู่ ขอขึ้นข้อดีเลยแล้วกัน ข้อดีคือดึงศักยภาพของตัวโปรแกรมมาถึงขีดสุด จนน่าเรียกว่ารีดมากกว่า ความเร็วการร้องที่แนะนำมันแค่150 Bpm แต่สามารถรีดได้ถึง 200-300 สมชื่อ"บ้าคลั่งP" ส่วนที่เป้นการพูดก็ทำมาได้เหมือนเสียงคนจริงมากๆ ซึ่งดูแล้วเป็นความชำนาญเฉพาะตัวของcosMoเลยด้วยซ้ำ เพราะได้เห็นใช้ความสามารถนี้ในโบนัสเทร็กของหลายๆอัลบัมในซีรีส์Vocalo แล้วฟังดูดีกว่าที่คนอื่นทำมากๆ
ข้อเสียนั้นมาจากข้อดีที่รีดความสามารถด้านความเร็ว มันทำให้เพลงเร็วเกินจนคนฟังจับอะไรไม่ทัน(คอมเม้นต์ในนิโกะช่วงหนึ่งปล่อยจรวดกันเต็มจอ) อีกอันคือพาคนเข้าใจผิดง่ายมากๆ เหมือนเคยเห็นคนนึกว่าDisappearance of Miku Hatsune เป็นเพลงสุดท้ายจริงๆหรืออะไรนี่แหละ ส่วนตัวนิยายรู้สึกว่าเปิดเรื่องมาดาษๆไปหน่อย นิยายVocaloidที่เปิดเรื่องมาสร้างหุ่นแอนดรอยด์กันมันค่อนข้างเยอะอยู่ แถมนี่ไม่จำเป็นต้องมาแบบนี้ก็ได้
ความดังนั้นด้วยตัวมันเองก็ดังอยู่ระดับดีน่าดู เป็นซีรีส์ระดับหัวแถวอันหนึ่งเลยทีเดียว แต่ถ้าเกิดเรื่องร้ายอะไรต่อวงการ เพลงDisappearance of Miku Hatsune จะถูกขุดมาปลุกระดมทุกที
ส่วนตัวอยากบอกว่าถ้าใครมองว่าตัวเองรักVocaloid จริงๆต้องฟังเพลงซีรีส์นี้ จะรู้เรื่องไม่รู้เรื่องไม่ว่า แต่มันมีคุณค่าต่อวงการมากๆ
ปล.ใครใจร้อนรอDEXไม่ได้ ขอบอกเลยถ้าท่านไม่ได้N1 N2 อย่าไปหาฉบับนิยายมาอ่าน ข้าเจ้าN3แทบไม่รู้เรื่องเลย ยากโคตรๆ คันจินี่แบบ.... แปลนี้ก็เปิดดิคนั่งคุยกับเพื่อนช่วยกันแปลกว่าจะเสร็จ
ดนตรี 8/10 (ส่วนตัวชอบทำนอง สื่อได้ดีมาก แต่ความเพราะยังไม่สุด)
เสียงร้อง 10/10 (ดีมากแม้ช่วงที่เร่งความเร็วทะลุ200bpm(แล้วเจ้าตัวบอกว่า200มันธรรมดา)ส่วนท่อนที่เป็นการพูดก็ทำมาได้เพอร์เฟ็ค)
เนื้อเรื่อง 7/10 (เท่าที่ดูนิยายคร่าวๆ มันเรื่องเดียวกันแน่เรอะ ถ้าฉบับลิขสิทธิ์ออกจะพิจารณาข้อนี้อีกที)
ความยากในการฟัง 9/10 (ฟังทันก็บุญแล้ว)
ความยากในการเข้าใจเนื้อหา 10/10 (ตีความเยอะมาก ต้องนั่งวิเคราะห์ดีๆ)
สถานะ+ความนิยม Phenomenon (ดังเป็นระยะๆ แต่ไม่ได้แพร่หลายในสื่ออื่นมากเท่าใด)
ข้อดี
1.เปิดโลกทัศน์เกี่ยวกับVocaloid
2.ความเป็นVocaloidสูงสุดๆ
3.เพลงระดับทรงคุณค่า
ข้อเสีย
1.เข้าใจยากเกินเหตุจนเข้าใจผิดได้ง่ายมากๆ
2.ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเร็วเกิน
3.นิยายมันเรื่องเดียวกันจริงเรอะ
สุดท้ายขอปิดบทความนี้ด้วยข้อความนี้
ตัวเพลงจัดได้ว่าเข้าขั้นยอดเยี่ยม ทั้งเอกลักษณ์ เนื้อหา ทำนอง ที่ไม่น่ามีคนอื่นทำแบบนี้ได้อีก แค่ด้านการเอามุมมองต่างๆมาใส่ได้นี่ก็เก่งแล้ว ที่จริงมันแทรกเนียนจนคนส่วนใหญ่ไม่รู้ และมักคิดว่าความหมายมันแค่สะท้อนความรู้สึกของVocaloid เท่านั้น (และบุ๊คเล็ตอัลบัมคงไม่มีใครไปนั่งแปลคำอธิบายเพลง เคยเห็นแปลกันแค่ของAku no ที่ชอบใส่เนื้อเรื่องลงไปในบุ๊คเล็ต) คุณภาพเพลงโดยรวมจัดว่าสูงแม้มีบางเพลงที่ทำไว้นานแล้วเลยด้วยกว่าอยู่หน่อย
เรื่องPVขอข้ามไปเลยเพราะแทบทั้งซีรีส์มันภาพนิ่งลูกเล่นมีจึ๋งเดียวแต่ภาพก็จัดว่าสวยอยู่ ขอขึ้นข้อดีเลยแล้วกัน ข้อดีคือดึงศักยภาพของตัวโปรแกรมมาถึงขีดสุด จนน่าเรียกว่ารีดมากกว่า ความเร็วการร้องที่แนะนำมันแค่150 Bpm แต่สามารถรีดได้ถึง 200-300 สมชื่อ"บ้าคลั่งP" ส่วนที่เป้นการพูดก็ทำมาได้เหมือนเสียงคนจริงมากๆ ซึ่งดูแล้วเป็นความชำนาญเฉพาะตัวของcosMoเลยด้วยซ้ำ เพราะได้เห็นใช้ความสามารถนี้ในโบนัสเทร็กของหลายๆอัลบัมในซีรีส์Vocalo แล้วฟังดูดีกว่าที่คนอื่นทำมากๆ
ข้อเสียนั้นมาจากข้อดีที่รีดความสามารถด้านความเร็ว มันทำให้เพลงเร็วเกินจนคนฟังจับอะไรไม่ทัน(คอมเม้นต์ในนิโกะช่วงหนึ่งปล่อยจรวดกันเต็มจอ) อีกอันคือพาคนเข้าใจผิดง่ายมากๆ เหมือนเคยเห็นคนนึกว่าDisappearance of Miku Hatsune เป็นเพลงสุดท้ายจริงๆหรืออะไรนี่แหละ ส่วนตัวนิยายรู้สึกว่าเปิดเรื่องมาดาษๆไปหน่อย นิยายVocaloidที่เปิดเรื่องมาสร้างหุ่นแอนดรอยด์กันมันค่อนข้างเยอะอยู่ แถมนี่ไม่จำเป็นต้องมาแบบนี้ก็ได้
ความดังนั้นด้วยตัวมันเองก็ดังอยู่ระดับดีน่าดู เป็นซีรีส์ระดับหัวแถวอันหนึ่งเลยทีเดียว แต่ถ้าเกิดเรื่องร้ายอะไรต่อวงการ เพลงDisappearance of Miku Hatsune จะถูกขุดมาปลุกระดมทุกที
ส่วนตัวอยากบอกว่าถ้าใครมองว่าตัวเองรักVocaloid จริงๆต้องฟังเพลงซีรีส์นี้ จะรู้เรื่องไม่รู้เรื่องไม่ว่า แต่มันมีคุณค่าต่อวงการมากๆ
ปล.ใครใจร้อนรอDEXไม่ได้ ขอบอกเลยถ้าท่านไม่ได้N1 N2 อย่าไปหาฉบับนิยายมาอ่าน ข้าเจ้าN3แทบไม่รู้เรื่องเลย ยากโคตรๆ คันจินี่แบบ.... แปลนี้ก็เปิดดิคนั่งคุยกับเพื่อนช่วยกันแปลกว่าจะเสร็จ
ดนตรี 8/10 (ส่วนตัวชอบทำนอง สื่อได้ดีมาก แต่ความเพราะยังไม่สุด)
เสียงร้อง 10/10 (ดีมากแม้ช่วงที่เร่งความเร็วทะลุ200bpm(แล้วเจ้าตัวบอกว่า200มันธรรมดา)ส่วนท่อนที่เป็นการพูดก็ทำมาได้เพอร์เฟ็ค)
เนื้อเรื่อง 7/10 (เท่าที่ดูนิยายคร่าวๆ มันเรื่องเดียวกันแน่เรอะ ถ้าฉบับลิขสิทธิ์ออกจะพิจารณาข้อนี้อีกที)
ความยากในการฟัง 9/10 (ฟังทันก็บุญแล้ว)
ความยากในการเข้าใจเนื้อหา 10/10 (ตีความเยอะมาก ต้องนั่งวิเคราะห์ดีๆ)
สถานะ+ความนิยม Phenomenon (ดังเป็นระยะๆ แต่ไม่ได้แพร่หลายในสื่ออื่นมากเท่าใด)
ข้อดี
1.เปิดโลกทัศน์เกี่ยวกับVocaloid
2.ความเป็นVocaloidสูงสุดๆ
3.เพลงระดับทรงคุณค่า
ข้อเสีย
1.เข้าใจยากเกินเหตุจนเข้าใจผิดได้ง่ายมากๆ
2.ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเร็วเกิน
3.นิยายมันเรื่องเดียวกันจริงเรอะ
สุดท้ายขอปิดบทความนี้ด้วยข้อความนี้
เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงตัวจริงนั้นยังอยู่ห่างไกลจากจุดจบนัก
ถึงอย่างนั้น สักวันหนึ่งต่อไปเธอก็จะต้องไปอยู่ที่ทางแยก
เมื่อถึงตอนนั้น ขอให้เธอตัวจริงไปสู่จุดจบที่มีความสุขเถิด
อ้างอิง
บุ๊คเล็ตอัลบัม初音ミクの消失
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น